ชุดประจำชาติอาเซียน
บรูไน
ชุดผู้ชายเรียกว่า บาจูมลายู (Baju Melayu) ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวเข้าชุดกัน แล้วนุ่งผ้าที่มีลักษณะคล้ายโสร่งทับ รวมถึงสวมซงโกะก์ (Songkok) หรือหมวกหนีบสีดำ
ชุดผู้หญิงเรียกว่า บาจูกูรูง (Baju Kurung) เป็นชุดกระโปรงยาวกรอมเท้า และมีผ้าคลุมศีรษะเพื่อปกปิดเส้นผม
กัมพูชา
ชุดผู้ชายเรียกว่า ซัมปอต (Sampot) เป็นผ้านุ่งทอมือ ทำจากไหมหรือฝ้าย และใส่เสื้อผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายทั้งแขนสั้นและแขนยาว
ชุดผู้หญิงจะนุ่งซัมปอตแล้วพับทบหรือจับจีบข้างหน้า มีทั้งแบบพอดีตัวและแบบหลวมคล้ายกระโปรงยาว โดยสวมเสื้อทับบริเวณเอวแล้วคาดเข็มขัดทับ หรือนุ่งผ้าแถบแล้วห่มสไบทับแบบไทย
อินโดนีเซีย
ชุดผู้ชายเรียกว่า เตลุก เบสคาพ (Teluk Beskap) เป็นเสื้อคอปิด ผ้าบาติก แขนยาว สวมหมวกรูปกลมหรือหมวกหนีบ นุ่งโสร่ง
ชุดผู้หญิงเรียกว่า เกบาย่า (Kebaya) เป็นเสื้อเข้ารูปแขนยาวผ่าหน้ากลัดกระดุม ตัวเสื้อมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ ไว้ผมยาวและเกล้ามวย ประดับศีรษะด้วยเครื่องประดับหรือดอกไม้ ส่วนผ้าถุงจะนุ่งผ้าพื้นเมืองที่เรียกว่า กาอิน โดยพันทั้งตัวให้ยาวกรอมเท้า
ลาว
ผู้ชายจะนุ่งโจงกระเบน เสื้อคล้ายเสื้อพระราชทานของไทย มีกระดุม 7 เม็ด
ผู้หญิงจะนุ่งซิ่นทอมือและใส่เสื้อผ้าฝ้ายแขนยาว
มาเลเซีย
ชุดผู้ชายเรียกว่า บาจูมลายู (Baju Melayu) คือเสื้อคอตั้งแขนยาวกับกางเกงขายาวตัดจากผ้าชนิดเดียวกัน มีผ้าโสร่งพันเอวทับอีกชั้น ศีรษะอาจสวมหมวกกำมะหยี่หรือมีผ้าพัน
ชุดผู้หญิงเรียกว่า บาจูกูรุง (Baju Kurung) คือเสื้อแขนยาว ชายเสื้อยาว กระโปรงยาวกรอมเท้าไม่มีผ่าหลังหรือผ่าข้าง สวมผ้าคลุมผม
เมียนมาร์
ชุดผู้ชายเรียกว่า ลองยี (Longyi) เป็นผ้าโสร่ง สวมกับเสื้อคอจีนหรือเสื้อคลุมไม่มีปก อาจโพกศีรษะด้วยกองบอง (Guang Buang)
ผู้หญิงนิยมสวมผ้าซิ่น ใส่เสื้อกระดุมหน้าที่เรียกว่า ยินซี (Yinzi) หรือเสื้อติดกระดุมข้างที่เรียกว่า ยินบอน (Yinbon)
ฟิลิปปินส์
ชุดผู้ชายเรียกว่า บารองกาตาล๊อก (Barong Tagalog) เป็นเสื้อตัวหลวมทำจากผ้าโปร่งบาง ทอจากใยพืช คอตั้ง แขนยาว สวมกับกางเกงขายาว ปล่อยชายเสื้อคลุมกางเกง
ชุดผู้หญิงเรียกว่า บาโร ซายา (Baro't Saya) เป็นชุดเสื้อและกระโปรงยาว 2 ชิ้น ทำจากเส้นใยโปร่งบาง ตัวเสื้อไม่มีคอ สวมทับกับกระโปรงยาวกรอมเท้า แขนสั้นจับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก (Balintawak)
สิงคโปร์
สิงคโปร์ไม่มีชุดประจำชาติของตัวเอง เนื่องด้วยความหลากหลายของชาติพันธุ์ทำให้มีชุดแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติหลักๆอยู่ 4 ชุด คือ
1) ชุดของชาวปรานากัน เรียกว่า เคบายา (Kebaya) ตัวเสื้อเข้ารูปแขนยาวผ่าหน้า ทำจากผ้าโปร่งแสง ปักฉลุลวดลาย สวมทับเสื้อตัวใน ท่อนล่างเป็นโสร่ง
2) ชุดของชาวจีน ผู้ชายสวม ฉางเผา ส่วนผู้หญิงสวม ฉีเผา
3) ชุดของชาวอินเดีย ผู้หญิงจะสวมสาหรี่ที่เป็นผ้ายาวสีสันสดใส ใช้พันร่างกายทับเสื้อที่เรียกว่า โสลิ ปลายผ้าด้านหนึ่งพาดบ่า ชุดกูรตะที่เป็นเสื้อตัวหลวมยาวถึงเข่าไม่มีปก สวมคู่กับซาลวาร์ที่เป็นกางเกงตัวหลวมด้านบนกว้างด้านล่างแคบ
4) ชุดของชาวมลายู ชุดผู้หญิงเรียกว่า บาจูกูรุง ชุดผู้ชายเรียกว่า บาจูมลายู
ไทย
ชุดผู้ชายเรียกว่า ชุดไทยพระราชทาน เสื้อมีคอตั้ง มีทั้งแขนสั้นและแขนยาว ขลิบรอบคอ สาบอกและปลายแขน ติดกระดุมสีเดียวกับเสื้อ 5 เม็ด สวมกับกางเกงขายาว
ชุดผู้หญิงเรียกว่า ชุดพระราชนิยม มีทั้งหมด 8 ชุด ชุดที่สำคัญที่สุดคือ ชุดไทยจักรี มีสไบเฉียงเปิดบ่าข้างหนึ่ง มีทั้งเย็บติดกันกับซิ่นเป็นท่อนเดียวและห่มต่างหาก ซิ่นมีจีบยกข้างหน้า คาดด้วยเข็มขัดไทย
เวียดนาม
ชุดประจำชาติเรียกว่า อ๋าวหญ่าย (Ao Dai) คล้ายเสื้อกี่เพ้าของจีน เป็นเสื้อผ้าไหมยาวสวมทับกางเกงขายาว เหมือนกันทั้งชายและหญิง
อ้างอิง
เนื้อหา : หนังสือเรียนวิชาอาเซียนศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
รูปประกอบ :
จัดทำโดย
นายศุภวิชญ์ แกล้วกล้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 79 เลขที่ 41 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา